3. รักษาด้วยสมุนไพร
กินอาหารให้เป็นยา
รักษาร่างกายแบบองค์รวมทั้งตัว โดยเริ่มที่แหล่งพลังงานก่อน
ร่างกายคนเหมือนกับรถยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ทำงานไม่ดี ติดๆ ขับๆ
มันก็ไม่มีพลังไปขับเคลื่อนส่วนอื่นๆ ให้วิ่งไปได้ เราเอาอะไรใส่ให้มันกิน
มันจึงเป็นเช่นนั้น
ร่างกายคนเราก็เหมือนกันกระเพาะอาหารเป็นหัวใจสำคัญของแหล่งพลังงาน
ถ้าเรากินอะไรเข้าไป ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจว่ากระเพาะจะย่อยได้หรือไม่ เมื่อมันย่อยไม่ได้ก็ไม่มีอาหารไปเลี้ยงร่างกายที่แย่กว่านั้นคือ
ได้อาหารเป็นพิษไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้เกิดโรคตามมามากมาย เกิดการหมักหมม
เกิดแก๊สขึ้นในกระเพาะ ก็จะพุ่งขึ้นบน
หอบเอาน้ำย่อยซึ่งเป็นกรดขึ้นมากัดเซาะขั้วกระเพาะ หลอดอาหาร ปากคอ
เป็นเม็ดเป็นแผล มีกลิ่นเหม็นออกมากับลมหายใจคือกลิ่นปาก
ฉะนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นโรคอะไร ต้องแก้ที่การกินให้ถูกต้อง ถูกเวลา
กระเพาะย่อยได้ดี ก็มีอาหารดีๆ ไปเลี้ยงร่างกาย ร่างกายก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
การแก้ไข
ปรับปรุง ระบบการย่อยของกระเพาะอาหารให้ดีขึ้น ดังนี้
-
ขับพิษออกจากร่างกายโดยกินยาถ่าย ล้างลำไส้ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผัก ผลไม้คั้น 2-7 วัน
ติดต่อกัน เวลาท้องว่าง (หลังอาหาร 1 ชม.)
-กินเนื้อสัตว์ นม ไข่ ให้น้อยลง แล้วกินพืชผัก ธัญพืชให้มากๆ จะได้มีกากใย
ไปกวาดเอาของเสียที่เกาะสะสมอยู่ในลำไส้ออกไป (โดยเฉพาะผักบุ้งไทยดีมาก)
-กินสมุนไพรช่วยในการย่อยอาหาร เช่น ขิง, ขมิ้น,
พริกไทยและอาหารไทยทุกชนิด จะมีส่วนผสมพริกแกง เป็นยาสมุนไพร (ขิงผงชงดื่มก่อนอาหารก็ได้)
-กินน้ำเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นของหมัก ดอง เช่น ผักกาดดอง
ผลไม้ดองทุกชนิด ข้าวหมาก เครื่องดื่มมึนเมาพวกยาดองเล็กน้อยช่วยให้กระเพาะมีพลังในการย่อยมากขึ้น
-กินมะรุม ช่วยปรับสมดุล ให้อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย กินได้ทั้งใบ เมล็ด (กิน 5 เมล็ด เป็นยาระบาย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น